สภาผู้บริโภคยื่นจดหมายถึงนายกฯ เบรก กสทช. ประมูลคลื่น หวั่นกระทบบริการสาธารณะและการแข่งขัน

สภาผู้บริโภคเรียกร้องเปิดทาง MVNO ในประมูลคลื่น หวังลดผูกขาด

สภาองค์กรของผู้บริโภคได้ยื่นหนังสือถึง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความกังวลเกี่ยวกับการประมูลคลื่นความถี่ที่จะเกิดขึ้น โดยเสนอให้รัฐบาลกำหนดมาตรการรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับผู้บริโภค รวมถึงการปรับปรุงแนวทางการจัดสรรคลื่นความถี่ให้มีความเป็นธรรมและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้บริโภค.

สภาผู้บริโภคหวั่นเกรงว่า การประมูลคลื่นความถี่ในครั้งนี้ ซึ่งครอบคลุมคลื่น 4 ย่านหลัก ได้แก่ 850 MHz, 1800 MHz, 2100 MHz (เฉพาะส่วนที่จะสิ้นสุดในปี 2568 ของ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT) และ 2300 MHz หากไม่มีการวางแผนและมาตรการที่เหมาะสม อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของระบบสื่อสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภารกิจด้านบริการสาธารณะ

นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ ประธานคณะอนุกรรมการด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาฯผู้บริโภค เปิดเผยว่า การนำคลื่นความถี่ของเอ็นทีเข้าร่วมการประมูลโดยไม่มีการพิจารณาถึงการใช้งานในภารกิจของรัฐหรือการให้บริการสาธารณะ อาจส่งผลเสียต่อความมั่นคงทางด้านการสื่อสารในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่เปราะบางและประชาชนในพื้นที่ห่างไกลที่ยังคงต้องพึ่งพาโครงข่ายของ NT

นอกจากนี้ สภาผู้บริโภคยังแสดงความกังวลว่า การเปิดประมูลคลื่นความถี่พร้อมกันหลายย่าน อาจนำไปสู่การแข่งขันที่ไม่สมดุลในตลาดโทรคมนาคม ซึ่งปัจจุบันมีผู้ให้บริการหลักเพียง 2 ราย และอาจเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดการผูกขาดมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลเสียต่อสิทธิของผู้บริโภคในระยะยาว

เพื่อแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างและสร้างแนวทางการแข่งขันที่เป็นธรรม สภาผู้บริโภคจึงได้เสนอให้นายกรัฐมนตรีสั่งการไปยังกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแล ให้เร่งประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการใน 4 ประเด็นหลัก ได้แก่:

  1. กำหนดเพดานราคาค่าบริการสูงสุด: โดยพิจารณาจากปริมาณและคุณภาพของการให้บริการ รวมถึงเงื่อนไขการให้บริการของผู้ให้บริการโครงข่ายเสมือน (Mobile Virtual Network Operator หรือ MVNO) ให้เป็นส่วนหนึ่งของเงื่อนไขในการแข่งขันประมูล
  2. กำหนดเงื่อนไขการใช้คลื่นความถี่ร่วมกัน: อนุญาตให้เอ็นที, ผู้ให้บริการ MVNO หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง สามารถร่วมใช้ประโยชน์ในคลื่นความถี่ที่ได้รับการอนุญาตแล้ว ในอัตราค่าบริการที่เป็นธรรม พร้อมกำหนดระยะเวลาดำเนินการที่ชัดเจนและบทลงโทษหากไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขได้
  3. จัดประชุมหารือร่วมกัน: ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) จัดประชุมหารือร่วมกับผู้แทนผู้บริโภค กสทช. NT ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และผู้ให้บริการ MVNO เพื่อจัดทำแผนรองรับผลกระทบต่อผู้บริโภคจากการสิ้นสุดสัญญาของ NT
  4. สนับสนุนการใช้งานคลื่นความถี่ของ NT เพื่อบริการสาธารณะ: ขอให้กระทรวง DE หาแนวทางสนับสนุนให้ NT สามารถใช้งานคลื่นความถี่ของ กสทช. ได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นบริการสาธารณะที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชน รวมถึงใช้เป็นช่องทางในการแจ้งเตือนภัยจากเหตุการณ์ฉุกเฉินและภัยพิบัติต่าง ๆ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากผู้บริโภค

สภาผู้บริโภคหวังว่า ข้อเสนอทั้ง 4 ประการนี้จะได้รับการพิจารณาและนำไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง เพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้บริโภคและสร้างการแข่งขันที่เป็นธรรมในตลาดโทรคมนาคมของประเทศไทย

Author: Allan Rasmussen
Allan is a MVNA/MVNE/MVNO specialist with hands-on experience from more than 60 projects in both competitive and greenfield markets. His expertise includes business case development, execution, launch and growth strategies. Advisor and consultant to mobile network operators, MVNA, MVNE, MVNO, National Regulatory Authorities, Government Agencies, Broadcast Companies, TMT Industry Associations, Innovation and Investment Banks.

Looking for a World-Class MVNA MVNE MVNO Consultant?